Web SEO มีขั้นตอนอย่างไร
Web SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นการปรับแต่งเว็บไซต์เพื่อให้เหมาะสมกับการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เพื่อให้ได้รับการแสดงผลในหน้าผลการค้นหา (SERP: search engine results pages) อย่างเหมาะสมและมีความน่าสนใจสำหรับผู้ใช้งาน ดังนั้นขั้นตอนการทำสามารถสรุปได้ดังนี้
- Keyword research: การวิเคราะห์และเลือกคำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเว็บไซต์เป็นขั้นตอนที่สำคัญในการทำ SEO เพราะเป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการปรับแต่งเนื้อหาของเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับการค้นหาของผู้ใช้งาน
- On-page optimization: การปรับแต่งเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ เพื่อให้ตรงกับ SEO best practices ที่เครื่องมือค้นหาต้องการประกอบด้วยหัวเรื่อง (Headings), คำอธิบาย(Meta tags), รูปภาพ(Images) การเชื่อมต่อภายในเว็บไซต์ (Internal link) และการเชื่อมต่อภายนอกเว็บไซต์ (External link)
- Technical optimization: การวางแผนโครงสร้างเว็บไซต์เป็นขั้นตอนที่สำคัญเพื่อให้เว็บไซต์มีโครงสร้างที่เป็นระเบียบ มีประสิทธิภาพ สามารถตอบสนองหลากหลายแพลทฟอร์มทั้ง Desktop, Mobile การสร้าง Sitemap สิ่งต่างๆเหล่านี้ช่วยให้ Search Engine สามารถรวมรวมข้อมูลได้ครบถ้วนยิ่งขึ้น
- Content creation: เนื้อหาบนเว็บไซต์ต้องมีคุณภาพเป็นเนื้อหาที่มีความน่าสนใจต่อผู้ใช้งานและถ้ามีความแตกต่างหรทอปรโยชน์เหนือกว่าเว็บไซต์ประเภทเดียวกันแล้วจะทำให้มีผลต่อการคำนวณของ Search Engine และที่สำคัญเนื้อหายังต้องเป็นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับคำสำคัญที่เลือกมาในขั้นตอนแรก
- Building backlinks: เป็นการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของคุณกับเว็บไซต์อื่นๆ ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งในการเพิ่มความน่าเชื่อถือและความน่าสนใจของเว็บไซต์ของคุณและหากเชื่อมไปยังเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ เช่น การค้นหา การเข้าใช้งาน การรับชมเนื้อหา หรือมีผู้ติดตามจำนวนมากจะมีผลทำให้เว็บไซต์ของคุณมีคะแนนด้านคุณภาพเพิ่มขึ้นด้วย การสร้าง Backlink จึงเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการทำ SEO
- Off-page optimization: การปรับแต่งเว็บไซต์ด้านนอก เช่น การสร้างโพสต์ใน Social Media, การทำการตลาดออนไลน์ การเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนออนไลน์ หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ของคุณ
- Tracking and analyzing results: การติดตามผลการทำ SEO เป็นขั้นตอนสุดท้ายในการทำ SEO เพื่อตรวจสอบว่าการปรับแต่งทั้งหมดของคุณมีผลต่อการแสดงผลของเว็บไซต์ของคุณใน SERP หรือไม่ ซึ่งสามารถใช้เครื่องมือที่ติดตั้งเพิ่มที่เว็บไซต์ (Plugin) หรือเว็บไซต์ทดสอบเช่น Google PageSpeed Insights, ahrefs และ ubersuggest เป็นต้น
สิ่งสำคัญที่สุดคือการบำรุงรักษาให้คะแนน SEO หรือลำดับการค้นหาอยู่ในลำดับที่ตั้งเป้าหมายไว้อยู่เสมอ นอกจากนั้นสามารถใช้การทำ SEM ทำงานร่วมด้วยเพื่อให้การเข้าถึงตามที่ต้องการ